เทคนิคการทำงานท่ามกลางความแตกต่างของวัย

เทคนิคการทำงานท่ามกลางความแตกต่างของวัย

ชื่อหลักสูตร เทคนิคการทำงานท่ามกลางความแตกต่างของวัย
หลักการและเหตุผล

เทคนิคการทำงานท่ามกลางความแตกต่างของวัย นั่นเพราะมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความจำเป็นต้องดำรงชีวิตโดยการอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม มีระบบความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในกลุ่ม มีตำแหน่งหน้าที่ของสมาชิกและการอยู่ร่วมกันนั้นย่อมจะกระทำให้สมาชิกสามารถดำรงชีวิตได้และอยู่รอด จึงเรียกได้ว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม

โดยในแต่ละสังคมนั้น ประกอบไปด้วยประชากรที่หลากหลายกลุ่มหลายประเภทอยู่ร่วมกัน ประชากรในสังคมมีทุกเพศวัย อาจมีความแตกต่างกันในด้านต่างๆ เช่น การประกอบอาชีพ การศึกษา ฐานะความเป็นอยู่ เป็นต้น ประชากรในสังคมยังประกอบไปด้วยกลุ่มต่างๆ เช่น ครอบครัว กลุ่มเพื่อน พ่อค้า กรรมกร รวมถึงชน กลุ่มน้อย ซึ่งต่างศาสนาหรือเผ่าพันธุ์ เป็นต้น

นอกจากนั้น โครงสร้างของสังคมมีการเปลี่ยนแปลงมาตลอดทุกยุคทุกสมัยและยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมือง สังคมเศรษฐกิจในช่วงนั้นที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและคนในแต่ละยุค แต่ละสมัยก็จะมีพฤติกรรมความคิด ทัศนคติ ไลฟ์สไตล์ ความรู้ความสามารถ ค่านิยม การบริหารจัดการที่แตกต่างกันออกไป

เมื่อกล่าวถึงความแตกต่างของคนแต่ละกลุ่มบุคคลนั้น ไม่ได้เกิดจากวัยที่แตกต่างกันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่เป็นความแตกต่างที่เกิดจาก “รุ่น” หรือ “เจเนอเรชัน” ที่ต่างกัน กล่าวคือ คนที่เกิดในยุคที่ต่างกันจะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทำให้คนเกิดและเติบโตมาต่างยุคต่างสมัยมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันไป คนแต่ละเจเนอร์ชัน มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน รวมไปถึงทัศนคติในด้านต่างๆ ซึ่งความแตกต่างด้านทัศนคตินี้ส่งผลให้การใช้ชีวิตในสังคมมีความหลากหลาย รวมไปถึงการทำงานร่วมกันของคนหลายช่วงอายุ ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย ในปัจจุบันแต่ละองค์กรจะประกอบไปด้วยบุคลากรที่มีความแตกต่างของคนแต่ละช่วงวัย ซึ่งถ้าหากเป็นองค์กรที่มีความยาวนานมาหลายสิบปี จึงมักจะเป็นแหล่งงรวมของคนทั้ง 3 เจเนอเรชัน ได้แก่ Baby Boomer (เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489-2507), เจเนอเรชัน X (เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2508-2523) และเจเนอเรชัน Y (เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2524-2537)

ดังนั้น ในการทำงานร่วมกัน ประเด็นในเรื่องของช่องว่างระหว่างวัยมีส่วนที่ก่อให้เกิดบรรยากาศในการทำงานที่ไม่เข้าใจกัน ยิ่งในองค์กรภาครัฐและเอกชน รวมไปถึงองค์กร 4.0 ในทุกวันนี้ ต่างก็มีคนหลายวัยที่ต้องทำงานร่วมกัน และด้วยช่วงอายุที่แตกต่างกันก็ย่อมมีอิทธิพลต่อพฤติกรรม ความคิด การตัดสินใจ ความเชื่อ ประสบการณ์รวมทั้งวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนกัน

วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจกลุ่มวัยต่างๆ ในองค์กร

2.เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเรียนรู้วิธีการทำงานร่วมกันท่ามกลางความแตกต่างของวัย
3.เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำความรู้ไปปรับประยุกต์ใช้ในการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดความสุขและสันติในองค์กร

รายละเอียดหลักสูตร

ส่วนที่ 1 SMART work
1.1) Strategy management

เรียนรู้หลักและทฤษฎีของการบริหารองค์กรเชิงกลยุทธ์ การกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ แผนยุทธศาสตร์ขององค์กร เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจแนวทางของการขับเคลื่อนธุรกิจองค์กรยุทธศาสตร์ (Strategy organization) และสามารถมองเห็นสภาพปัญหา แนวทางการแก้ไขปัญหาขององค์กรให้เข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน

1.2) SMART Goal

เรียนรู้หลักการกำหนดเป้าหมายด้วยหลัก SMART และการวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้องค์กรไม่บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร

1.3) 4C in 21 Century skills

เรียนรู้และฝึกปฏิบัติหลักการเรียนรู้เพื่อพัฒนาศักยภาพตนเองตามแนวคิดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วยการคิดเชิงวิกฤติ (Critical Thinking) การสื่อสาร (Communication) การคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และการบูรณางานร่วมกัน (Collaboration)

 ส่วนที่ 2 SMART people

2.1) Self-Assessment

เรียนรู้ตนเองก่อนเรียนรู้ผู้อื่น รู้จักการประเมินตนเอง รู้เท่าทันความคิดของตนเอง รู้วิธีการพัฒนาตนเอง รู้จักการควบคุมความคิด เหตุผล อารมณ์

2.2) Wisdom in work

พัฒนาตนเองสู่การสร้างปัญญามากกว่าพัฒนาความรู้ พัฒนากระบวนการทางปัญญาในการแก้ไขปัญหาในการทำงาน

2.3) 2+3+4+5+6+7

หลักการพัฒนาตนเองเพื่อการทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ขององค์กรด้วยหลักการทางพุทธศาสนา เพื่อเป็นหลักดำเนินชีวิต ดำเนินงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อทั้งตนเอง คนรอบข้าง องค์กรและสังคม

2.4) 4 Gen 3 Groups

เรียนรู้ความแตกต่างของคน 4 กลุ่มวัย และคน 3 กลุ่มเพื่อพัฒนาความเบิกบานในใจของตนเอง