มือที่มองไม่เห็น Patrick Dixon กล่าวไว้ว่า The single word that will drive the future is emotion หรือ คำเพียงคำเดียวที่ขับเคลื่อนอนาคตคือ อารมณ์
ปัจจุบัน โลกและโลกธุรกิจขับเคลื่อนล้วนขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ การเสนอขายสินค้า ขายบริการต่าง ๆ ล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์มากกว่าความเป็นจริง ทั้ง ๆ ที่ไม่ว่าโลกของปัจจุบันหรืออนาคตจะเป็นอย่างไร คำว่า คุณภาพไม่ใช่สิ่งที่เป็นความลับอีกต่อไป สอดคล้องกับคำกล่าวของ Thomas L.Friedman (Thank you for being late) ว่า Social media is good for collective sharing but not always so great for collective building, good for collective destruction, but maybe not so good for collection construction. สื่อสังคมออนไลน์ดีสำหรับการรวมกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยน แต่ไม่ดีสำหรับการรวมกลุ่มเพื่อสร้างอะไรสักอย่างหนึ่ง ดีสำหรับการรวมกลุ่มเพื่อทำลาย แต่อาจจะไม่ดีสำหรับการรวมกันสร้างลูกค้าไว้วางใจ
Philip Kotler (Marketing 4.0) กล่าวว่า การสนทนาของคนในกลุ่มลูกค้าแบบ peer to peer จะเป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด และ Joseph A. Schumpeter กล่าวว่า Creative Destruction การทำลายอย่างสร้างสรรค์ การทำลายล้างอย่างสร้างสรรค์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับระบบทุนนิยม Creative Destruction การทำลายอย่างสร้างสรรค์ส่งผลให้ S-Curve ของธุรกิจสั้นลง การเติบโตของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่เฉพาะแต่สินค้าระดับโลกเท่านั้น Creative Destruction การทำลายอย่างสร้างสรรค์ยังส่งผลต่อธุรกิจข้างถนนด้วย เช่น ข้าวเหนียวหมูปิ้ง อาหารตามสั่ง น้ำเต้าหู้ เป็นต้น หรือแม้แต่สื่อโฆษณาที่แปรเปลี่ยนไป ป้ายโฆษณาถูกแทนที่ด้วย Virtual Website หรือ QR Code
โลกธุรกิจไร้พรมแดน มือที่มองไม่เห็น
ในขณะที่ประเทศไทยของเรากำลังโฆษณาประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่สิ่งที่หน่วยงานที่รับผิดชอบต้องพิจารณาให้ดีและควรระมัดระวัง คือ มือที่มองไม่เห็น มือที่ไร้พรมแดนเข้ามาในพื้นที่ธุรกิจของเรา ตัวอย่างเช่น OTAs ย่อมาจากคำว่า Online Travel Agency คือ ผู้ให้บริการด้านการจองที่พักโรงแรมรวมถึงบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการให้บริการให้สมาชิกได้เจอกับผู้ให้บริการที่พัก ตั๋วเครื่องบิน บริการท่องเที่ยวต่างๆ และจัดแจงจองที่พักตั๋วโรงแรมให้ โดยนำเสนอสิทธิพิเศษ และราคาสุดพิเศษให้กับสมาขิก อาทิ Agoda Traveloka Expedia เป็นต้น
เมื่อนักท่องเที่ยวสนใจมาท่องเที่ยวประเทศไทยของเรา เขาตัดสินเลือกใช้บริการจาก OTAs เหล่านี้มากกว่าจะเสียเงินเสียเวลาโทรศัพท์ข้ามประเทศเพื่อมาจองห้องพัก ซี่งค่าคอมมิชชั่นส่วนนี้ของโรงแรมถูกแบ่งสัดส่วนออกไปจากรายได้มาถึง 10-20% และค่าคอมมิชชั่นเหล่านี้ถูกส่งไปยังบริษัทแม่ที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทยทั้งสิ้น พูดง่าย ๆ คือ เงินจะไหลออกนอกประเทศจากมือที่มองไม่เห็นด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของเราเอง
อนาคตของแรงงานไทย
ข้อมูลจาก Word Bank Development Report (2016) ระบุว่า 72% ของงานในประเทศไทยมีโอกาสถูกทดแทนด้วยระบบ Automation (จัดเป็นลำดับที่ 10 ของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา) คำถามคือ เทคโนโลยีใช้แรงงานคนน้อยลง แล้วแรงงานไทยจะเป็นอย่างไรต่อไป
ทางรอดของไทย
หนึ่ง ต้องเพิ่มผลผลิตที่มีคุณภาพ เปรียบเทียบสัดส่วนการท่องเที่ยวของประเทศไทยกับประเทศสิงคโปร์
สอง ต้องพัฒนาการศึกษาที่มุ่งเน้นประกอบอาชีพ
สาม ต้องมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา
ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ผลิต Hard Disk อันดับที่ 1 ของโลก (40% ของการผลิตทั่วโลก) เช่น Seagate, Western Digital, Hitashi, Toshiba เป็นต้น และเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์เป็นอันดับที่ 12 ของโลก มีโรงงานประกอบรถยนต์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย จำนวน 18 บริษัท แต่ไม่มี Local Brand หรือสินค้าจำพวกนี้ที่เป็นยี่ห้อของคนไทยเลย เพราะเราอาศัยพึ่งพิงพึ่งพาเทคโนโลยีของเขา ไม่เกิดการถ่ายทอด เมื่อไหร่ที่ประเทศเหล่านี้มีประเทศผู้ผลิตที่ต้นทุนถูกกว่าเขาก็ไป
สี่ ต้องพัฒนานวัตกรรมใหม่
Steve Jobs พูดไว้น่าสนใจมากว่า Innovation distinguishes between a leader and a follower นวัตกรรมแยกผู้นำกับผู้ตามออกจากกัน นวัตกรรมไม่ใช่เรื่องยาก นวัตกรรมเป็นเรื่องง่าย ๆ ตัวอย่างถุงกาแฟ
มองโลกมุมใหม่ มองโอกาสใหม่ๆ อย่าหยุดพัฒนาตนเองและอย่าเอาอารมณ์มาเป็นที่ตั้ง